หน้าเว็บ

วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ทำเอง หนูทำได้

ทำเอง หนูทำได้

พอข้ามพ้นวัยแบเบาะ เจ้าหนูตัวน้อยก็คันพบความสามารถหลายอย่างในตัวเอง และเริ่มสนุกกับสิ่งแปลกใหม่ในชีวิต ฉะนั้นเรื่องจะทำอะไรด้วยตัวเองน่ะ ชอบนักแหละ คุณพ่อคุณแม่รีบฉวยโอกาสดีๆอย่างนี้ฝึกเจ้าลูกคนเก่งให้รู้จักช่วยเหลือตัวเองกันเถอะค่ะ


เรื่องที่จะฝึกให้รู้จักช่วยเหลือตัวเองนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร เป็นเรื่องที่อยู่ในชีวิตประจำวันนี่ล่ะ ถึงวัยนี้เรียกได้ว่าลูกพร้อมรับการฝึกแล้วค่ะ เพราะพัฒนาการทางกายที่พัฒนามาจนช่ำชองกว่าเมื่อก่อนเยอะ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อมือและข้อมือที่สามารถทำงานเคลื่อนไหวได้คล่องขึ้น มือและนิ้วมือทำงานประสานกันได้ดี และสามารถขยับใช้นิ้วแต่ละนิ้วได้ ลูกจึงสามารถหยิบจับสิ่งของต่างๆได้มั่นคงขึ้น บวกกับพัฒนาการด้านอื่นๆที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้แกรู้สึกสนุกกับการหยิบจับ ทำอะไรด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องการให้พ่อแม่เข้ามาช่วยเหลือเหมือนอย่างแต่ก่อน
นี่เองคือจังหวะทองที่จะเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้ และฝึกฝนปฏิบัติกิจวัตร
ประจำวันของตัวเอง โดยคุณพ่อคุณแม่ต้องลดบทบาทหน้าที่ จากที่เคยเป็นฝ่ายทำให้ก็เปลี่ยน ไปเป็นผู้ฝึกหัด เตรียมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเป็นกองหนุนสำคัญให้ลูกค่ะ สำหรับคุณพ่อคุณแม่นักจัดการที่ชอบจัดแจงทำทุกอย่างให้ลูก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะมองข้ามสิ่งเหล่านั้น เพื่อมองไปถึงสิ่งดีๆในวันข้างหน้าที่จะเกิดกับลูก เมื่อแกรู้จักช่วยเหลือตัวเอง
สิ่งดีๆที่ว่านั้นก็คือ* ความรู้สึกพึงพอใจในตัวเองที่จะเกิดขึ้น หลังจากที่แกรู้ถึงความสามารถ

ของตัวเอง ซึ่งถือเป็นพลังใจสำคัญที่ทำให้ลูกพร้อมที่จะเรียนรู้ ทดลองทำสิ่งอื่นๆ


* มีทัศนคติที่ดีต่อการช่วยเหลือตัวเองในด้านอื่นๆต่อไป อีกทั้งความมั่นใจก็จะเพิ่มมาอีกเป็นกอง


* เมื่อถึงคราวต้องก้าวเข้าสู่ชีวิตนักเรียนตัวน้อย เรื่องปรับตัวในสิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่ไม่มีพ่อแม่คอยช่วยเหลือ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร และนี่คือกิจวัตรประจำวันที่ควรเริ่มฝึกให้กับลูก


หม่ำเอง
เรื่องให้ลูกกินอาหารเองเป็นงานใหญ่ที่เลอะเทอะและแสนยาวนาน นั่นเป็นเรื่องจริงที่คุณแม่ทุกคนรู้ดี แต่ถึงอย่างนั้นการให้ลูกได้กินอาหารด้วยตัวเองก็เป็นสิ่งที่คุณควรส่งเสริม โดยเริ่มฝึกให้แกใช้ช้อนตักอาหารกินเอง และดื่มน้ำจากแก้วแทนขวดอย่างที่เคยทำ และที่สำคัญให้แกเข้าร่วมโต๊ะอาหารกับทุกคนในบ้านด้วย จะทำให้ลูกมีความสุขใน การกินและรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว อีกอย่างแกจะได้เห็นและทำตามอย่างทุกคนบนโต๊ะด้วย
เรื่องเลอะเทอะไม่ต้องห่วงเจอแน่อยู่แล้วค่ะ คุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็นอย่าเพิ่งรีบเข้าไปป้อนให้เสียก่อนล่ะ ให้แกทำเองไปก่อนจนกว่าจะร้องขอให้ช่วยดีกว่า การที่ลูกได้ทำ เองบ่อยๆจะทำให้แกเกิดความชำนาญ แล้วภาพเลอะเทอะบนโต๊ะอาหารก็จะค่อยๆหายไปค่ะ


มีเทคนิคกันหน่อย
* หาจาน ชามที่ไม่แตกประเภทเมลามีน แก้วน้ำชนิดมีหูจับ และช้อนที่ลูกสามารถจับถนัดมือเตรียมไว้ให้
* การดื่มน้ำจากแก้ว อาจเริ่มด้วยการใช้หลอดดูดช่วยก่อนก็ได้ ถ้าลูกปฏิเสธจะยกดื่มจากแก้วโดยตรง
* จัดอาหารเมนูโปรดเตรียมไว้ให้ และคุณแม่ต้องสวมวิญญาณนักดัดแปลงอาหารอย่าให้เมนูซ้ำบ่อยๆ อาหารจานโปรดและอาหารแปลกใหม่จะช่วยกระตุ้นให้ลูกอยากกิน อาหารมากขึ้น
* ให้อิสระและเวลาในการกินกับลูกให้มากหน่อย อย่าคะยั้นคะยอให้แกกินเร็วๆหรือกินมากๆ เพราะลูกจะยิ่งต่อต้าน
* ก่อนมื้ออาหารอย่าให้ลูกกินของจุบจิบ เพราะเมื่อไม่อยากทานอาหารแล้วมือที่ได้จับช้อนก็จะละเลงอาหารเป็นของเล่นเลยล่ะทีนี้


อาบเอง
การฝึกให้อาบน้ำ ล้างไม้ล้างมือก่อนรับประทานอาหารเป็นเรื่องไม่ยากเย็นอะไรนัก เพราะน้ำกับลูกวัยนี้ถูกกันนักเชียว ช่วงแรกของการฝึกคุณพ่อคุณแม่คงต้องอยู่ใกล้ๆคอย ช่วยเหลือ สอนให้ลูกรู้จักฟอกสบู่ ขัดถูส่วนต่างๆ และการล้างตัวให้สะอาด ที่สำคัญเพื่อป้องกันเหตุอันตรายจากการลื่นหกล้ม และสำหรับบ้านที่มีอ่างอาบน้ำอย่าปล่อยให้ลูกนอนเล่น น้ำตามลำพังเชียวนะคะ แม้จะชอบเล่นน้ำ แต่หนูวัยนี้น้อยคนนักที่จะชอบล้างหน้า ควรพยายามให้ลูกวักน้ำล้างหน้าเอง เริ่มแรกอาจให้วักน้ำมาที่แก้ม แล้วคุณแม่ค่อยช่วยลูบทำความสะอาดส่วนอื่น พอเริ่มชินทีนี้จากที่ไม่ชอบล้างหน้า ขี้คร้านจะวักน้ำใส่หน้าจนเปียกปอนไปทั้งตัวเลยล่ะค่ะ ส่วนเรื่องผมจะให้สระเองดูจะยากไปสักนิด คุณพ่อคุณแม่ยังต้องเป็นผู้ช่วย ให้เจ้าหนูได้ สนุกกับการขยี้ฟองบนศีรษะและรู้จักก้มหรือเงยหน้าเพื่อไม่ให้แชมพูเข้าตาก็ถือเป็นการฝึกแล้วล่ะค่ะ อีกหนึ่งกิจกรรมคือการแปรงฟัน ซึ่งควรเริ่มฝึกให้แกชินกับแปรงสีฟันตั้งแต่เริ่มมีฟันซี่แรก และเมื่อถึงวัยนี้แกก็จะขยับแปรงปัดถูได้แต่ไม่สะอาดนัก คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยช่วย เหลือบ้าง นอกจากนี้ก็ฝึกการแปรงฟันที่ถูกวิธี และการรู้จักแปรงฟันหลังตื่นนอนและทานอาหาร รวมทั้งก่อนเข้านอนให้ด้วยค่ะ


มีเทคนิคกันหน่อย
* สบู่ก้อนอาจไม่ถนัดสำหรับมือน้อยๆ คุณแม่อาจหาสบู่เหลวมีจุกปั๊มมาให้แทน แต่ต้องหลังจากที่แน่ใจแล้วว่าลูกรู้ว่าเจ้าน้ำสีสวยๆกลิ่นหอมๆของสบู่เหลวมันกินไม่ได้
* วางอุปกรณ์ สบู่ แก้วน้ำ แปรงสีฟัน ยาสีฟันไว้ในที่ๆลูกหยิบใช้ได้สะดวก
* ยาสีฟันกลิ่นผลไม้สำหรับเด็กและแปรงสีฟันสีสันสดใส หรือมีเสียงที่ด้ามจับก็ช่วยให้ลูกสนุกกับการแปรงฟันได้ดีทีเดียว แล้วอย่าลืมด้วยว่าแปรงสีฟันของลูกต้องเล็กพอที่ จะซอกซอนได้ทั่วทั้งปาก และขนแปรงต้องอ่อนนุ่ม เพื่อไม่ให้การแปรงฟันเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับลูก
* ชวนลูกแปรงฟันไปพร้อมกัน อาจกำหนดเป็นจังหวะปัดขึ้นปัดลง ลูกจะได้เห็นวิธีที่ถูกต้อง แถมยังสนุกที่ได้ทำตามคุณอีกด้วย


แต่งเอง
การถอดเสื้อผ้าดูจะง่ายกว่าสวมเสื้อผ้าเป็นไหนๆ ฉะนั้นจึงควรเริ่มจากเรื่องง่ายๆนี้ก่อน รวมไปถึงการเช็ดตัว ทาแป้ง หวีผม และการบอกให้ลูกรู้จักเอาเสื้อผ้าที่ถอดแล้วใส่ลงตะกร้าเป็นการเริ่มต้นระเบียบวินัยเล็กๆให้ลูกค่ะ
และการสวมเสื้อ ใส่กางเกงจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับลูก ถ้าเสื้อผ้าที่คุณเตรียมไว้เป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่ง่าย เช่น เสื้อยืดสวมหัวคอกว้าง เสื้อกระดุมเม็ดโต กางเกงขาสั้นเอวยืด ส่วนประเภทมีกระดุมเยอะจนลายตา ซิปรูดยากๆ หรือมีสายให้มัดยุ่งยากไม่เหมาะในช่วงเริ่มต้นของการฝึกค่ะ


มีเทคนิคกันหน่อย
* ให้ลูกได้มีโอกาสเลือกชุดเก่งด้วยตัวเอง โดยคุณอาจเสนอตัวเลือกให้สัก 3 ชุด เพื่อไม่ให้การเลือกเสื้อผ้ายืดเยื้อเกินไป
* การสวมเสื้อถ้าเป็นเสื้อสวมหัวให้ลูกเริ่มสวมหัวก่อนแล้วสอดแขนเข้าไปทีละข้าง เช่นเดียวกับเสื้อแบบมีกระดุมที่ให้สวมแขนทีละข้าง แล้วจึงกลัดกระดุม คุณแม่อาจใช้ เกมหาทางออกหรือเกมจ๊ะเอ๋ ช่วยทำให้การสวมเสื้อเป็นเรื่องสนุกขึ้นค่ะ
* สอนให้ลูกกลัดกระดุมจากเม็ดล่างขึ้นมาเม็ดบน โอกาสสลับช่องจะน้อยลง
* การสวมกางเกงเริ่มแรกให้ลูกหัดจากการนั่งแล้วสวมขาเข้าไปทีละข้าง แล้วค่อยขยับยืนขึ้นหาที่จับยืนแล้วสวม
* ที่ด้านหลังเสื้อและกางเกง ลายการ์ตูนที่ด้านหน้าเสื้อ หรือกระเป๋ากางเกงเป็นจุดสังเกตอย่างดีที่คุณจะบอกให้ลูกสังเกตก่อนสวมเสื้อผ้า


เข้าห้องน้ำเอง
การฝึกลูกใช้ส้วมเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและขึ้นอยู่กับความพร้อมของลูก โดยส่วนใหญ่เริ่มฝึกกันได้ตั้งแต่วัยนี้ แต่ก็มีน้องหนูบางคนที่ยังไม่พร้อมรับการฝึก คุณพ่อคุณแม่จึงต้องเข้าใจ อดทนและใจเย็นให้มากๆ อย่าบังคับฝืนใจแกมากเกินไป ควรเริ่มต้นจากการเปลี่ยนที่นั่งกระโถนเข้ามาในห้องน้ำ เพื่อให้ลูกคุ้นกับการขับถ่ายในห้องน้ำ ส่วนการทำความสะอาดหลังการขับถ่ายคงต้องให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยอยู่ เพราะ ถึงแกจะทำได้ก็คงไม่สะอาดนัก ที่สำคัญต้องฝึกให้ล้างมือหลังการขับถ่ายทุกครั้ง


มีเทคนิคกันหน่อย
* สำหรับบ้านที่ใช้ส้วมแบบชักโครก ควรหาเบาะรองชักโครกมาวางเพื่อให้ลูกนั่งได้ถนัดขึ้น และหาเก้าอี้ตัวเตี้ยให้ลูกเหยียบขึ้นนั่งชักโครกได้สะดวก
* ถ้าลูกกลัวการอยู่ในห้องน้ำคุณคงต้องอยู่กับลูกด้วยในช่วงแรก หรือเปิดประตูห้องน้ำไว้ให้ลูกเห็นว่าคุณอยู่ไม่ไกล


สิ่งสำคัญต้อง...
* ปฏิบัติเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็นเสมอ
* พยายามกระตุ้น จูงใจลูกให้ลองทำกิจกรรมเหล่านี้ด้วยตัวเองอย่าใช้วิธีบังคับฝืนใจ
* มีความสม่ำเสมอในการฝึก เพราะสิ่งที่คุณต้องการไม่ใช่แค่ลูกปฏิบัติสิ่งเหล่านี้ได้ แต่คือการปฏิบัติจนเป็นนิสัยต่างหาก
* ให้โอกาสกับลูก แม้สิ่งที่คุณเห็นจะเป็นความเลอะเทอะ ผิดพลาด ล่าช้า คุณก็ไม่ควรด่วนตัดสินใจเข้าช่วยเหลือลูกเร็วเกินไป หรือตำหนิให้แกเสียกำลังใจ หมดความเชื่อมั่น
* ชมเชยแสดงความยินดีเมื่อเห็นลูกทำได้และเมื่อพยายามที่จะทำด้วยตัวแกเอง
* ไม่ตั้งมาตรฐานว่าลูกต้องทำได้ตามที่คุณฝึกทุกอย่าง เพราะเด็กแต่ละคนมีพัฒนาการความพร้อมที่ต่างกัน


เตรียมพร้อมกันอย่างนี้ นอกจากคุณพ่อคุณแม่จะได้วางใจว่าลูกสามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว คุณลูกยังได้ความภูมิใจในตัวเองไปอีกกองโต แล้วเรื่องเข้าโรงเรียนที่ใครๆห่วงนักห่วงหนา ก็จะไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจสำหรับคุณหนูบ้านนี้ค่ะ


ข้อมูลจาก : นิตยสาร modern mom ฉบับที่ 64 เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2544

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น