พูดและสัมผัส...ทางลัดพัฒนาการดี
จากเสียงสะท้อนของคุณแม่ "คุยกับลูกบ่อยๆกลัวเขารำคาญค่ะ อยากให้นอนมากกว่า และบางทีรู้สึกพูดไปเขาก็ไม่รู้เรื่อง เอาเวลาไปทำงานบ้านดีกว่า ครั้นจะมัวอุ้มมัวเล่นกับเขา ก็อย่างบอกแหละว่า เขายังไม่ประสีประสาอะไรเลย"
ชาวดวงใจได้ยินอย่างนี้ก็รู้สึกว่าเกิดความเข้าใจผิดกันใหญ่แล้ว เพราะการพูดและการสัมผัสของพ่อแม่มีส่วนช่วยเพิ่มพัฒนาการของเด็กมาก เรามาร่วมพิสูจน์กันเถอว่า การคุยหรือสัมผัสกับลูกนั้นไม่ใช่สิ่งที่เสียเวลาเปล่าเลย
การพูดคุยกับลูกนี้มีดีอย่างไร :
การพูดคุยระหว่างกัน ทั้งคุณพ่อคุณแม่และคุณลูก เป็นสายสัมพันธ์ที่คนภายนอกอาจมองไม่ชัด และไม่อาจหยั่งถึงความอบอุ่นนี้ได้มากเท่ากับการสัมผัส จนหลายคนคิดว่าการพูดกับทารกไม่สำคัญ แต่พัฒนาการทางภาษาก็จะเริ่มตรงนี้แหละคะ ทารกจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆรวมทั้งภาษาก็อีตอนคลอดออกมาแล้วนี่ล่ะ แม้ช่วงนี้จะยังได้แค่ฟังก็เถอะ
รูปคุณแม่ยังสาว (และสวย) จ้า เอามาเป็นกำลังใจ ให้คุณแม่มือใหม่ ไผเป็นไผ ก้อดูกันเองนะ
ทุกคนนะจ้ะ Up & Down ให้กลับไป slim เหมือนเดิมนะจ้ะ
พัฒนาการทักษะการเคลื่อนไหว ตั้งแต่แรกเกิด-1 ปี(2)
วันนี้ก็มาต่อกันเลยนะค่ะ
8-12 สัปดาห์ สิ่งที่ลูกทำได้ หากลูกนอนในท่าคว่ำ ลูกจะยกศรีษะขึ้นได้เองเล็กน้อย เมื่่อลูกนอนหงายจะพลิกตะแคงข้างได้
สอนลูกได้อย่างไร ให้ลูกนอนเล่นในท่าคว่ำ จะช่วยฝึกกล้ามเนื้อคอให้แข็งแรง
เมื่อเปลี่ยนผ้าอ้อม ให้ลูกได้นอนเหยียดแขนขา เป็นการทำให้กล้ามเนื้อแขนขาแข็งแรง
สอนได้มากกว่านี้ไหม วางของเล่นไว้ใกล้ในระดับสายตาลูก หมุนของเล่นให้ลูกมองตาม หรือจะย้ายของเล่นไปมาเพื่อฝึกสายตาลูก
ในท่านอนหงาย คุณอาจค่อยๆดึงแขนให้ลูกลุกขึ้นมานั่ง
16-20 สัปดาห์ สิ่งที่ลูกทำได้ ลูกโตพอจะจับให้อยู่ในท่านั่งแล้ว ลูกหันศรีษะเหลียวมองสิ่งที่สนใจ ท่าที่นอนหงายบนพื้นราบ เมื่อจับมือลูกดึงขึ้น ลูกอาจขืนศรีษะได้บ้าง
สอนลูกได้อย่างไร เพราะศรีษะตั้งตรงและหันมองได้รอบแล้ว ควรอุ้มลูกในท่านั่ง ให้หันหน้า ออกจากตัวคุณ ให้ลูกนอนหงายออกกำลัง ได้ยกศรีษะและไหล่ เตะแขนขาเล่น
สอนได้มากกว่านี้ไหม ให้ลูกได้มองสิ่งต่างๆรอบตัว คุยกับลูกไปด้วย ระหว่างนี้สังเกตดูว่า ลูกอาจเริ่มชอบมองกระจก ยกตัวลูกขึ้นจากท่านอนหงาย ให้ยืนขึ้นเหยียดขา คุณจะพบว่า ลูกค่อนข้างยืนได้มั่นคง
ยังไม่จบนะค้าาา เดี๋ยวมาต่อวันหน้านะค่า see you.
วันนี้จะมาคุยเรื่องอะไรดีน้า พ่อแม่หลายคนมักจะชอบวิตกกังวลว่าจะไม่สามารถดูแล ลูกน้อยได้ดีพอ ก็เลยอยากจะยกสิ่งที่คุณหมอเขียนไว้มาฝากนะค่ะ สู้ๆ
คุณมีความรู้มากกว่าที่คุณคิด
เมื่อคุณเตรียมตัวจะมีลูกอ่อน คุณทั้งสองก็มีความสุขและตื่นเต้นเป็นกำลัง แต่ถ้าคุณไม่เคยเลี้ยงลูกมาก่อน คุณก็ชักจะไม่แน่ใจว่าจะเลี้ยงลูกได้แค่ไหน จึงต้องอาศํยการเงี่ยหูฟังจากญาติพี่น้องหรือเพื่อนๆ หรือไม่ก็ขวนขวายหาหนังสือหนังหาเกี่ยวกับเด็กมาอ่านมากขึ้น หลายครั้งคุณคงคิดว่าทำไมหนอการเลี้ยงดูลูกจึงยุ่งยากซับซ้อนอย่างนี้
คุณหมอสรุปว่าฟังหูไว้หูเป็นดีที่สุด เพื่อนๆ หรือญาติพี่น้อง จะแนะนำอะไรก็รับฟังไว้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำก็ฟังไว้ แต่การปฏิบัติต่อลูกจริงๆ ขอให้ใช้สามัญสำนึกของเราเองดีกว่าค่ะ การเลี้ยงลูกจะไม่ยุ่งยาก ถ้าคุณใจเย็นๆ เข้าไว้ มีความเชื่อมั่นในตนเอง
ทุกๆครั้งที่คุณพ่อ คุณแม่อุ้มลูกน้อยขึ้นมา ทุกครั้งที่คุณเปลี่ยนผ้าอ้อมอาบน้ำลูก ป้อนอาหาร ยิ้มกับลูก ลูกจะมีความรู้สึกตองสนองว่าลูกเป็นลูกของคุณ และคุณเป็นของลูก คนอื่นๆในโลกไม่มีความหมายเลย แม้ว่าเขาจะมีฝีมือในการเลี้ยงเด็กอย่างไร ก็ไม่สามารถทำให้ลูกมีความสุขได้เท่าเทียมกับพ่อแม่ที่รักเขา
เพราะฉะนั้น จงเชื่อมั่นว่า ด้วยความรักที่คุณมีต่อลูกน้อย คุณจะสามารถเลี้ยงลูกได้อย่างดีที่สุดแน่นอน
(จากหนังสือ คู่มือเลี้ยงลูก โดย ศ.พญ.ชนิกา ตู้จินดา)
อ่านแล้วมั่นใจขึ้นอีก โขขขข เลยนะ
"เพื่อน" ของวัยเตาะแตะ
วัยอย่างเจ้าตัวเล็กนี้ยังมีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่กล้าๆกลัวๆ ก็เลยไม่ชัดเจนว่าจะเอายังไงกันแน่ บางทีเหมือนจะอยากอิสระ แต่ก็ยังติดแม่ บางทีอยากเล่นกับเพื่อน แต่พอเอาเข้าจริงก็ปลีกตัวไปเล่นคนเดียว พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะ เป็นปกติของวัยที่กำลังค่อยๆพัฒนาการเข้าสังคมกับคนอื่นๆ เราสามารถจัดสรรสิ่งแวดล้อมและสร้างสถานการณ์ผ่านกิจกรรมต่างๆให้สอดคล้องและไม่ก้าวล่วงพัฒนาการของลูกมากเกินไปได้ เช่น
พัฒนาการทักษะการเคลื่อนไหว ตั้งแต่แรกเกิด-1 ปี
แรกเกิด
สิ่งที่ลูกทำได้ ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่อุ้มลูกในท่ายืน ลูกทำท่าจะก้าวเดินไปข้างหน้าทีละก้าว
หากสอดนิ้วมือหรือสิ่งของที่มือน้อยๆ ลูกจะกำไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
สอนลูกได้อย่างไร สิ่งนี้เป็นความสามารถที่ติดตัวลูกมา คุณเป็นเพียงผู้ช่วยให้ลูกเคลื่อนไหวในท่าทางต่างๆมากขึ้นเท่านั้น
สอนได้มากกว่านี้ไหม สัมผัสตามตัวลูกอย่างนุ่มนวล
แตะฝ่ามือ ฝ่าเท้า งอนิ้วมือ นิ้วเท้า แล้วคลายออก ให้ลูกค่อยๆกางเหยียดแขน เหยียดขาแล้วงอเข้า จะช่วยฝึกฝนกล้ามเนื่้อเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว
4-6 สัปดาห์
สิ่งที่ลูกทำได้ ลูกแต่ละคนจะมีท่านอนที่โปรดปราน คือมักเป็นท่านอนคว่ำ คุดคู้ตัว แต่ใบหน้าอาจหันไปด้านซ้ายหรือขวา ตามความถนัดของแต่ละคน
สอนลูกได้อย่างไร จัดท่านอนให้ลูกรู้สึกสบาย ความจริงท่านี้ เป็นท่าเลียนแบบขณะที่เคยอยู่ในครรภ์ ลูกชอบท่านี้ เพราะว่าช่วยให้รู้สึกอบอุ่น และปลอดภัย
สอนได้มากกว่านี้ไหม ถึงแม้จะเป็นท่าโปรด แต่ลูกจำเป็นต้องยืดเส้นยืดสาย คุณช่วยได้โดยเปลี่ยนท่านอนให้ลูกบ้าง นวดสัมผัสเบาๆ แล้วยือแขนขาออกกำลัง
ขออนุญาติตอนต่อไปนะจ้ะ เมื่อยมือแล้ว
.jpg)
