หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553

10 วิธีสร้างความมั่นคงทางอารมณ์ให้ลูก

10 วิธีสร้างความมั่นคงทางอารมณ์ให้ลูก



1. จริงจังกับความรู้สึกลูก ลูกอาจจะเป็นเด็กตัวกระจิดริด แต่ความรู้สึกของลูกก็สำคัญเท่า กับความรู้สึกของผู้ใหญ่ตัวโตอย่างเราๆ อย่าอารมณ์เสียเมื่อลูกร้อง และพยายามจับความรู้สึกผิดหวังของลูกให้ได้


2. ทำให้ลูกรู้สึกพิเศษ แน่นอนว่าลูกเป็นคนพิเศษของเราอยู่แล้ว (เพราะเแกเป็นลูกของเรา) แต่แกก็ยังต้องการให้คุณทำให้แกรู้สึกพิเศษ พยายามบอกลูกว่าคุณรักแกมากมายแค่ไหน และเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมเพียงใด แม้ลูกจะได้ยินมาแล้ว แต่แกก็ยังอยากได้ยินอีกค่ะ


3. สนใจลูกมากๆ มุ่งความสนใจของคุณไปที่ลูก อาจจะโดยการเล่นกับลูก พูดคุย หรืออ่านนิทานให้แกฟัง


4. ปลอบโยนเมื่อลูกผิดหวัง ลูกต้องการให้คุณขจัดความไม่สบายใจของแกออกไป ที่เราทำได้ก็คือโอบกอดแกไว้อย่างอ่อนโยน และบอกแกว่าทุกอย่างจะดีเอง

วันพุธที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553

อารมณ์ขัน..ช่วยพัฒนาการแจ๋ว

อารมณ์ขัน..ช่วยพัฒนาการแจ๋ว



ลูกน้อยจะใช้อารมณ์ขันในการผ่อนคลายความรู้สึกตึงเครียด เพราะการหัวเราะจะช่วยสร้างบรรยากาศที่รื่นรมย์และความสนุกสนานให้เกิดขึ้นในจิตใจ นอกเหนือจากความสุขที่ได้รับ ทุกครั้งที่ลูกหัวเราะไปกับการเย้าแหย่หยอกล้อของพ่อแม่หรือคนใกล้ชิด หนูน้อยจะได้เรียนรู้วิธีการสื่อสารทางอารมณ์(ในแง่บวก)โดยผ่านการหัวเราะนั้นด้วย
เคยมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับอารมณ์ขันของเด็กพบว่า เด็กที่หัวเราะง่ายจะเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีไอคิวดี ฉลาด และมีความสุข ทั้งนี้เพราะทุกครั้งที่ลูกได้สื่อสารกับพ่อแม่ หรือได้มีปฏิสัมพันธ์ในทางที่รื่นรมย์ร่วมกับพ่อแม่ สมองน้อยๆ ของลูกก็จะได้รับการกระตุ้นให้สร้างเครือข่ายโยงใยเก็บสะสมความทรงจำเกี่ยวกับความสนุกสนานของเหตุการณ์ต่างๆ ไว้ในใจอยู่ตลอดเวลา
ลูกน้อยจะรู้สึกพอใจและสนุกสนานทุกครั้งที่พ่อแม่อยู่ใกล้ชิด ลูกจะรู้สึกสนุกกับการเล่นที่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย และจะสนุกกับทุกกิจกรรมการเล่นได้นานเท่าที่พ่อแม่มีเวลาจะเล่นด้วย การที่มีเราอยู่ใกล้ๆ และแสดงความสนอกสนใจลูกอยู่ตลอดเวลาจะทำให้ลูกรู้สึกมั่นคงปลอดภัย และอบอุ่นหัวใจจริงๆ ค่ะ

วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

พัฒนาการ ’ดี’ จากของเล่นทำเอง

พัฒนาการ ’ดี’ จากของเล่นทำเอง
การได้เล่นกับลูกเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตของคนเป็นแม่ค่ะ เวลาที่ลูกยิ้มกว้าง หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างสนุกสนาน มันทำให้หัวใจของทั้งแม่และพ่ออิ่มเอม พองโต
เวลาเล่นจึงเป็นช่วงที่มีค่ามหาศาลของครอบครัว เพราะนอกจากลูกจะได้มีพัฒนาการรอบด้านจากการเล่นแล้ว พ่อแม่เองก็จะได้ใช้ช่วงเวลานี้ทำความรู้จักรู้ใจลูกให้มากขึ้นด้วย
วันนี้เลยอยากจะชวนคุณพ่อคุณแม่มาทำ ‘ของเล่น’ ให้ลูกกันค่ะ วัสดุที่ใช้ก็หาได้จากสิ่งของใกล้ตัวในบ้านนี่แหละ จะได้ประหยัดทั้งเงินในกระเป๋าและทรัพยากรโลก แถมลูกที่รักยังได้เรียนรู้จากของเล่นที่แม่ลูกช่วยกันทำ ชวนกันเล่นด้วยค่ะ
บ้านจำลอง…จากกล่องกระดาษ
เคยเห็นบ้านจำลองของเด็กเล่น แบบที่มีประตู หน้าต่างปิดเปิดได้ไหมคะ เห็นหลังเล็กๆ อย่างนั้น แต่ราคาแพงเอาเรื่องเหมือนกัน บ้านจำลองบางหลังราคาสูงเหยียบหมื่นเลยทีเดียวนะคะ ถ้าซื้อมาแล้วเล่นได้แค่ 2–3 ปี พอลูกโตก็เบื่อ คิดๆ แล้วรู้สึกเสียดายตังค์จังเลยค่ะ ลองมาสร้างบ้านจำลองจากกล่องกระดาษเล่นเองคุ้มกว่าเยอะค่ะ
เริ่มจากคุณพ่อคุณแม่ตัดเจาะช่องทำประตู หน้าต่าง ให้กว้างพอที่ลูกๆ จะมุดเข้ามุดออกได้อย่างสบายๆ จากนั้นก็หากระดาษส่วนที่เหลือมามุงเป็นหลังคาจั่ว แปะยึดด้วยสก๊อตเทปให้แน่นหนาหน่อย จากนั้นก็ชวนเจ้าตัวเล็กเข้ามาแจม ช่วยตกแต่งตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย บ้านจำลองหลังน้อยนี้ให้ดูดีมีสีสันขึ้น โดยอาจจะหากระดาษสีหรือกระดาษห่อของขวัญมาแปะรอบๆ ผนังบ้าน หรือไม่ก็ชวนกันวาดรูประบายสี เป็นต้นไม้ ดอกไม้ ได้ตามแต่จินตนาการของเขาเลยค่ะ
บ้านจำลองนี้ จะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้เรื่อง ที่ว่าง (Space) โดยการเข้าไปเล่นภายในบ้านและจะเสริมสร้างจินตนาการของลูกน้อยในการเล่นบทบาทสมมุติ เลียนแบบกิจวัตรประจำวันต่างๆ เช่น เข้านอน ตื่นนอน อาบน้ำ ปรุงอาหารทำกับข้าว กินอาหาร และถ้าสังเกตดีๆ คุณจะเห็นตัวตนของคุณผ่านการเล่นของลูกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสะพายกระเป๋าไปทำงานเลียนแบบพ่อ แต่งตัวเลียนแบบแม่ค่ะ
กระบะทราย
เป็นของเล่นจากธรรมชาติอีกอย่างหนึ่งที่อยากแนะนำให้มีไว้ประจำบ้านค่ะ เพราะเด็ก ๆ จะชอบมาก แล้วก็ไม่ได้เป็นของเล่นราคาแพงอะไรเลย
กะละมังใบย่อมๆ สัก 1 ใบ ใส่ทรายลงไปสักครึ่งหนึ่ง หากระป๋องนม ขวดน้ำพลาสติก ช้อนหรือทัพพีเก่าๆ ใส่เอาไว้ด้วย มีอุปกรณ์ง่ายๆ แค่นี้เด็กๆ ก็จะสนุกกับการตักทรายใส่กระป๋องเทเข้า เทออกได้อย่างไม่รู้เบื่อ กิจกรรมนี้เหมาะกับลูกวัยขวบครึ่งขึ้นไป เด็กๆ จะได้ฝึกทักษะการใช้มือและสายตาให้สัมพันธ์กัน
แต่มีข้อควรระวังอยู่นิดหนึ่งว่า คุณพ่อคุณแม่ต้องดูลูกเล่นอยู่ใกล้ๆ เพื่อระวังไม่ให้ลูกหยิบทรายใส่ปาก หรือโยนเล่นจนกระเด็นเข้าตา รวมถึงความสะอาดของทรายด้วยนะคะ
ขวดมีเสียง…เครื่องดนตรีทำเอง
ขวดน้ำดื่มพลาสติกหรือกระป๋องนมเปล่าเอามาทำของเล่นได้หลายอย่างค่ะ แค่เอาขวดเปล่าใบเล็กๆ ที่แห้งสะอาดมาใส่สิ่งของเข้าไปปิดฝาให้สนิท แล้วเขย่าให้เกิดเสียงก็ดูน่าสนุก
โดยให้ลูกมีส่วนร่วมในการหยอดวัตถุต่างๆ เช่น กรวด ทราย หรือเมล็ดถั่วต่างๆ ลงในขวดน้ำหรือกระป๋องนม แล้วคุณจัดการปิดฝาให้เรียบร้อย ลูกจะรู้สึกภาคภูมิใจกับของเล่นชิ้นนี้ ที่สำคัญเขายังได้เรียนรู้ว่า วัตถุที่แตกต่างกันจะก่อให้เกิดเสียงที่ต่างกันด้วย
ตะกร้าลากเลื่อน
เหมาะสำหรับลูกวัยขวบครึ่งขึ้นไป ที่กำลังอยากจะลากนู่นลากนี่ไปทั่วบ้าน อุปกรณ์ในการทำตะกร้าลากเลื่อนก็ไม่มีอะไรมากค่ะ
ใช้เพียงตะกร้าทรงเตี้ย (คล้ายกระบะใส่ของ) และเชือกยาวประมาณ 2-3 ฟุต นำมาผูกตรงหูจับตะกร้า ก็ได้ของเล่นชิ้นใหม่แล้ว หรือถ้าจะให้กิ๊บเก๋ก็อาจจะหาริบบิ้นสวยๆ ชวนเจ้าตัวน้อยร้อยตกแต่งตะกร้าใบนั้น
เพื่อฝึกการทำงานของนิ้วและสายตาค่ะ
ฟังเสียง หาที่ซ่อน
โมบายที่มีเสียงเพลงกรุ๋งกริ๋ง ซึ่งคุณเคยแขวนให้ลูกดูตอนยังแบเบาะนั้น ตอนนี้ลูกโตแล้วอาจจะไม่ค่อยสนใจ คุณพ่อคุณแม่สามารถนำมาดัดแปลงเป็นของเล่นสนุกกับลูกได้ โดยถอดเอาส่วนที่สร้างเสียงเพลงซึ่งโดยมากมักจะเป็นบริเวณแกนกลางของโมบายออกมา ไขลานให้เสียงเพลงดังแล้วเอาไปซ่อนไว้ตามจุดต่างๆ จากนั้นให้เด็กๆ ค้นหาว่าเสียงเพลงดังมาจากตรงไหน กิจกรรมนี้เด็กๆ จะได้ฝึกใช้ทักษะการฟัง ควบคู่ไปกับการใช้ไหวพริบแก้ปัญหา
ไฟฉาย แสนสนุก
อุปกรณ์สามัญประจำบ้านอย่างไฟฉาย คุณพ่อคุณแม่สามารถนำมาดัดแปลงเป็นของเล่น เล่นกับลูกได้อย่างสนุกสนาน แค่คุณปิดไฟ แล้วส่องไฟฉายไปที่ผนังหรือเพดานในห้องนอนให้ดวงไฟไต่ขึ้นไต่ลง ลูกก็จะมองตามและอยากจะหยิบฉวยไฟฉายนั้นมาวาดลวดลายเองบ้างตามแต่จินตนาการ
เมื่อลูกโตขึ้นถึงวัยที่หัดพูดแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ยังสามารถใช้ไฟฉายกระบอกเดิมเล่นกับลูกได้อีก โดยฉายไฟไปที่สิ่งของต่างๆ ภายในห้อง แล้วชี้ชวนให้ลูกดูว่าสิ่งของนั้นเรียกว่าอะไร เช่น นาฬิกา ตุ๊กตา ตู้ โต๊ะ เก้าอี้ ภาพแมว เด็กๆ ก็จะได้เรียนรู้คำศัพท์ และฝึกออกเสียงไปด้วย
เห็นไหมคะว่า เราสามารถเล่นสนุก เพื่อพัฒนาทักษะต่าง ๆ ให้กับลูกได้ตั้งมากมาย โดยใช้สิ่งของใกล้ตัว เป็นของเล่นแบบเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แถมยังทำให้สมาชิกในครอบครัวใกล้ชิดผูกพันกันมากขึ้นด้วยค่ะ

ข้อมูลจากนิตยสาร : ฉบับที่ 303 เดือนเมษายน พ.ศ.2551

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2553

รักแล้วต้องเข้าใจหนูด้วย!

รักแล้วต้องเข้าใจหนูด้วย!
เจ้าตัวเล็กวัยนี้มักทำให้อาการปวดเศียรเวียนเกล้าเกิดขึ้นกับพ่อแม่บ่อยๆ ด้วยพฤติกรรมของหนูที่แสนจะวุ่นวาย พ่อแม่หลายคนถึงกับอ่อนอกอ่อนใจ พาลอารมณ์บูดไม่เข้าใจว่าทำม้ายย ทำไม..ลูกที่แสนจะน่ารักเมื่อตอนแบเบาะ ถึงได้กลายเป็นเจ้าตัวแสบได้ขนาดนี้...
แต่ถ้าความรักในหัวใจพ่อแม่ มีความเข้าใจลูกอยู่ด้วย เรื่องวุ่นๆ ก็จะกลับกลายเป็นเรื่องดีๆ ที่มีผลต่อพัฒนาการที่ดีของลูกวัยนี้ได้เชียวล่ะ
โทมัส ซี แมคจินนิส และ จอห์น อายเรส เขียนไว้ในหนังสือ "ชีวิตและครอบครัว : การอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขว่า ความรักคืออาหารทางอารมณ์ของเด็กทุกคน และเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับพัฒนาการด้านร่างกายและจิตใจของเด็ก"

วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

พาลูกเที่ยวไหนดีเอ่ย

ใกล้เทศกาลท่องเที่ยวแล้ว เพื่อนๆไปเที่ยวไหนกันบ้างน้า วันนี้เรามีสถานที่ท่องเที่ยวให้เพื่อนๆ ที่สนใจจังหวัดไหนก็คลิกหาข้อมูลกันได้เลยนะ

วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

นิทานกับคุณค่าที่คาดไม่ถึง

นิทานกับคุณค่าที่คาดไม่ถึง
12 Fabulously Funny Fairy Tale Plays: Humorous Takes on Favorite Tales That Boost Reading Skills, Build Fluency & Keep Your Class Chuckling With Lots of Read-Aloud Fun!เราทราบดีว่า 3 ขวบปีแรก ขนาดสมองของเด็กเป็น 80 เปอร์เซนต์ของสมองผู้ใหญ่ ช่วงนี้จึงเป็น "วัยทองของชีวิต" ที่จะพัฒนาเด็กในเรื่องต่างๆ และเชื่อหรือไม่ว่า นิทานเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยพัฒนาลูกได้อย่างที่เราอาจคิดไม่ถึงทีเดียว
The Golden Book of Fairy Tales (Golden Classics)มีรายงานการวิจัยมากมาย ที่ต่างยืนยันว่า นอกจากจะสร้างความเพลิดเพลิน และสนุกสนานให้กับเด็กๆแล้ว นิทานยังสามารถกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และเสริมสร้างจินตนาการอันบรรเจิดได้อย่างไม่จำกัด เด็กที่ได้ฟังนิทานตั้งแต่วัยทารกจะมีพัฒนาทักษะการฟัง และการพูดที่ดี เพราะเขาจะได้ยินคำใหม่ๆ และท่วงทำนองการสนทนาแบบต่างๆเสมอ เพราะสมองของเด็กๆกำลังซึมซับทุกสิ่งทุกอย่าง นิทานจึงมีส่วนสำคัญที่จะช่วยปลูกฝังคุณธรรมควมดี และความงดงามละเอียดอ่อนให้กับหัวใจดวงน้อยของลูก โดยคุณแม่อาจดัดแปลงนิทานเรื่องหนึงให้กลายเป็นนิทนหลายเรื่อง เพื่อให้เหมาะกับสิ่งที่อยากปลูกฝัง หรืออยากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลูก เช่น เมื่อลูกดื้อ ชอบอมข้าว ไม่ยอมแปรงฟัน หรือไม่ชอบอาบน้ำ นิทานเรื่องกระต่ายน้อย ก็อาจจะต้องเป็นกระต่ายน้อยผอม เพราะชอบอมข้าว กระต่ายน้อยฟันผุ หรือกระต่ายน้อยตัวเหม็น เพราะไม่ชอบ อานน้ำ ไม่มีใครเล่นด้วย เป็นต้น
คุณค่าสำคัญที่ลืมไม่ได้ คือ ถ้าคนเล่าเป็นคุณพ่อคุณแม่ด้วยแล้ว นิทานจะช่วยสร้างความผูกพันใกล้ชิดสนิทสนมระหว่าง พ่อแม่ลูกให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพราะการที่ลูกมีคุณพ่อ คุณแม่ เอาใจใส่อยู่ใกล้ๆ มีเวลาพูดคุย เล่าเรื่องที่ลูกชอบ การที่ลูกได้ฟังเสียง ท่วงทำนองที่มีจังหวะจะโคนจากปากของคนที่มีความหมายกับลูกมากที่สุดจะทำให้เขาอบอุ่น สบายใจ และมีความสุข

วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

พัฒนาการทักษะการเคลื่อนไหว ตั้งแต่แรกเกิด-1 ปี(3)

พัฒนาการทักษะการเคลื่อนไหว ตั้งแต่แรกเกิด-1 ปี(3)
มาต่อกันเลย สุดท้ายแล้ว อย่าลืมนำไปปฏิบัติกันด้วยนะค่ะ ลูกรักจะได้มีพัฒนาการสมวัย ไม่อยากเกินไปสำหรับแม่มืออาชีพอย่างพวกเราหรอกนะ


       24-28 สัปดาห์ สิ่งที่ลูกทำได้ กล้ามเนื่้อมือลูกแข็งแรงมาก ลูกจะยันตัวขึ้นในท่าคลานกล้ามเนื้อเล็กทำงานได้ดีเหมือนกัน ใช้นิ้วหยิบของเล่นได้

สอนลูกได้อย่างไร จัดพื้นที่ราบให้โล่ง ช่วยให้ลูกคลานเล่นด้วยความสนุกสนานให้ลูกคลานไปหยิบของเล่น ที่มีสีสันและรูปทรง
สอนได้มากกว่านี้ไหม ลูกคืนคลานได้รวดเร็ว แม้จะมีความสามารถอันน่ามหัศจรรย์ แต่คุณจะต้องระวังสิ่งของที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกของเล่นชนิดที่เขย่าแล้วเกิดเสียง จะเร้าความสนใจจากลูก ขยับของเล่นไปมาให้ลูกเอื้อมมือคว้าเล่น

32-36 สัปดาห์ สิ่งที่ลูกทำได้ ลูกนั่งได้แล้วนะ นั่งเองได้นานๆ มีท่านั่งพักขาด้วย คือขา
หนึ่งเหยียดออก อีกข้างงอไว้นั่งยองๆแล้วทำท่าจะลุกขึ้นยืน
สอนลูกได้อย่างไร ให้ลูกนั่งเล่นของเล่น เรียกชื่อลูก หลอกล่อของเล่นให้ลูกเอื้อมหยิบ
สอนได้มากกว่านี้ไหม ฝึกให้ลูกได้ยันแขนขา ประคองใต้แขนให้ลูกลุกยืน กระโดดโลดเต้น บนตักคุณก็ได้ บนพื้นราบก็ได้ รับรองว่าคุณจะได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของลูก
40-48 สัปดาห์ หรือ 1 ขวบ สิ่งที่ลูกทำได้ เอ้า ลุกขึ้นสิจ้ะ .. ลูกลุกขึ้นยืนได้ ถ้าคุณช่วยดึงมือลูก
สอนลูกได้อย่างไร ช่วยพยุงลูกยืนขึ้นแล้วเกาะขอบเตียงหรือโต๊ะ
สอนได้มากกว่านี้ไหม ค่อยๆพยุงให้ลูกเกาะราว หรือขอบเตียง แล้วขยับเท้าก้าวเดินไปทีละก้าว

ขอขอบคุคู่มือเลี้ยงลูก โดย ศ.พญ.ชนิกา ตุ้จินดา
The Going-To-Bed BookAlice in WonderlandQuiet JoyExcuse Me!: A Little Book of Manners

เบบี้ก็กลุ้มใจเป็นนะ

เบบี้ก็กลุ้มใจเป็นนะ


แม้เด็กวัยนี้จะใช้เวลานอนเสียเป็นส่วนใหญ่ เรียกว่า 80 % ของเวลาที่มีอยู่ในหนึ่งวันลูกจะเอาแต่นอนหลับปุ๋ย พอตื่นขึ้นมาเขาจะรู้สึกว่าต้องการให้มีคนที่รักเขาอยู่เคียงข้าง ฉะนั้นถ้าสังเกตดีๆ จะรู้ได้ว่าทุกครั้งที่ลูกตื่น ลูกจะร้องไห้หาเราเพราะลูกต้องการให้มีคนคอยดูแลเอาใจใส่ และตอบสนองความต้องการเขาอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นการสัมผัส การกอด การอุ้ม การปลอบประโลม หรือน้ำเสียงที่พูดอย่างอ่อนโยน

เรื่องปัญหาพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นฉี่ อึ ปวดท้อง หิว ร้องไห้ ถ้าเราสามารถตอบสนองลูกเป็นอย่างดี ลูกจะรู้สึกสบายใจ ไม่เครียด และพัฒนาความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย มองโลกในแง่ดี มีจิตใจคิดดีต่อผู้อื่นเมื่อถึงตอนโตโน้นเลยล่ะค่ะ