เมื่อคุณพ่อ คุณแม่แยกกันอยู่เพราะเหตุรสนิยมไม่ตรงกัน ทนความเห็นแก่ตัวของอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายหนึ่งทอดทิ้ง นอกใจ ฯลฯ ปัญหาคือ จะบอกลูกอย่างไรดี เพื่อเห็นแก่ลูก เราจะอยู่ร่วมกันไปอย่างทนๆ เซ็งๆ หรือจะหย่าขาดแยกจากกัน คุณจะปรึกษากับใครๆ ก็ไม่สามารถให้คำตัดสินชี้ขาดลงไปได้ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง และความเป็นอยู่ของครอบครัวของคุณ และคุณควรจะตัดสินใจเองจาก คู่มือเลี้ยงลูก โดย ศ.พญ.ชนิการ ตู้จินดา
ถ้าคุณทั้งสองจำใจอยู่ร่วมกันไปเพื่อลูก อาจจะต้องมีทะเลาะกันทุ่มเถียงกัน ด่ากัน ทุบกัน ทุบข้าวทุบของประจำ ลูกต้องจำเจกับภาพสงครามในบ้านทุกวัน คุณก็ควรจะแยกกันอยู่ดีกว่า
ถ้าคุณแยกกันอยู่ ควรจะให้ลูกมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับทั้งสองฝ่ายเป็นระยะๆ เพราะคุณพ่อยังเป็นพ่อของลูก คุณแม่ยังเป็นแม่ของลูกอยู่ แม้คุณจะโกรธ จะเกลียดอีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่ควรถือโอกาสด่าว่าประชดประชันนินทาฝ่ายตรงข้ามเวลาลูกอยู่กับคุณ เพราะเด็กจะมีจิตใจปั่นป่วน สับสน เด็กๆไม่ต้องการให้ใครมาว่าคุณพ่อเลว (แม้คนที่กล่าวหาจะเป็นคุณแม่เอง) เช่นเดียวกับคุณพ่อ จะมาว่าคุณแม่เลวเขาจะไม่ยอมเช่นกัน เด็กจะมีสุขภาพจิตท่ีแย่มาก เมื่อเติบโตขึ้นแกจะเกลียดชีวิตแต่งงาน ถ้าเป็นหญิงจะมองผู้ชายอย่างไม่ไว้วางใจ โลกไม่สดใสเลย
ตามธรรมดาเวลาสามีภรรยาแยกจากกัน จะไม่เคยมองเห็นข้อผิดพลาดของตนเองเลยแม้แต่น้อย ตัวอย่างเช่น ภรรยาชอบบังคับทำตัวเป็นนายของสามี สั่งเช้า สั่งเย็น บังคับสารพัดจนสามีทนไม่ได้ เธอจะไม่มีวันมองเห็นข้อบกพร่องของตัวเองเลย พูดว่าแต่ข้อเสียของสามีต่างๆนานา ถ้าสามีไปทำอะไรผิดพลาดจะนำมาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งสองฝ่ายจะพยายามแย่งเอาลูกมาเป็นพรรคพวกของฝ่ายตน จะเล่าแต่เรื่องดีงามของฝ่ายตน ชี้ช่องให้เห็นข้อเสียหายของอีกฝ่ายหนึ่ง พยายามให้ลูกคล้อยตามแต่จะเป็นการโหดร้ายต่อเด็กมาก ที่จะทำให้แกโกรธเกลียดคุณพ่อหรือคุณแม่ของตนเอง ดังนั้น ขอให้คุณพ่อ คุณแม่ที่แยกทางกัน โปรดสงสารเด็กน้อยตาดำๆ อย่ามาลำเลิกด่าฝ่ายตรงข้ามเลย ให้เขามีความสุขกับพ่อหรือแม่ของเขาบ้าง คุณแม่อาจจะบอกว่า “ติ๊ก ลูกรัก แม่กับพ่อมีเรื่องไม่เข้าใจกัน เราเถียงกันมากเหมือนกับเวลาหนูทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียน เราเลยตัดสินใจแยกทางจากกัน แต่พ่อยังเป็นพ่อของลูก แม่ยังเป็นแม่ของลูก เราตกลงกันว่าลูกจะอยู่กับแม่ ตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์ ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์พ่อจะมารับลูกไปอยู่ด้วย เราไม่ได้โกรธกัน คุณพ่อของลูกไม่ผิดอะไรจ้ะ” ถ้าคุณพูดแค่นี้สำหรับเด็กๆชั้นอนุบาล ป.1 ป.2 ก็พอรู้เรื่อง แต่เด็กโตกว่านี้ เช่น ป.6 ม.1ขึ้นไป คุณจะต้องมีเหตุผลมากกว่านี้ แกจะซักถามด้วย บางคนตกลงให้อยู่กับคุณแม่ 6 เดือน คุณพ่อ 6 เดือน ปรากฎว่าไม่ดีเพราะระยะที่จากพ่อหรือแม่ไปถึงครึ่งปีการเรียนก็วุ่นวายไปหมด ส่วนมากจึงนิยมให้อยู่กับพ่อหรือแม่วันธรรมดา ส่วนวันหยุดก็อยู่กับพี่อหรือแม่กลับกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแต่งงานใหม่อีกฝ่ายหนึ่งจะไม่อนุญาตให้ลูกไปอยู่ด้วยแม้ในวันหยุด จึงตกเป็นภาระต้องเลี้ยงเด็กแต่ฝ่ายเดียว
อย่างไรก็ตาม เด็กที่พ่อแม่แยกทางกันแกจะมีอะไรซ่อนอยู่ในใจ แม้ว่าภายนอกแกจะดูเป็นเด็กเล็กๆ น่ารัก รื่นเริง สดใส ภายในแกอาจจะมีแผลลึกๆอยู่ในใจ กรุณาอย่าซ้ำเติมด้วยคำพูดหรือท่าทางใดๆ การพูดเหน็บแนมติเตียนว่าเป็นสายเลือดไม่ดีของฝ่ายตรงข้ามหรือคำพูดซ้ำเติมจากคุณย่าหรือคุณยายที่ไม่ชอบอีกฝ่ายหนึ่งจะทำให้เด็กเจ็บช้ำมากขึ้น เด็กจะรู้สึกอึดอัดและทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่กับคุณพ่อหรือคุณแม่อีกฝ่ายหนึ่ง
สรุป ควรจะให้ลูกยังคงรักคุณพ่อเหมือนเป็นพ่อที่ดีของลูก รักคุณแม่เหมือนเป็นแม่ที่ดีของลูก แม้ว่าคุณทั้งสองจำเป็นต้องแยกทางกันก็ตาม
วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
เมื่อพ่อแม่แยกทางกัน
วันนี้ไปเจอ Topic นี้มา น่าสนใจดี น่าจะเป็นสิ่งที่ให้กำลังใจเพื่อนๆ หลายๆคนที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้ดีทีเดียว ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ สู้สู้เพื่อลูกรักของเราต่อไปนะค่ะ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น